วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555
กิจกรรมที่4
กาทำงานเป็นทีม
การทำงานเป็นทีม หมายถึง
การร่วมกันทำงานของสมาชิกที่มากกว่า 1
คน
โดยที่สมาชิกทุกคนนั้นจะต้องมีเป้าหมายเดียวกันจะทำอะไรแล้วทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน
มีการวางแผนการทำงานร่วมกันการทำงานเป็นทีมมีความสำคัญในทุกองค์กรการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารงานการทำงานเป็นทีมมีบทบาทสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือของกลุ่มสมาชิกเป็นอย่างดี
ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม
1.วิเคราะห์งาน
2.กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
2.กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
3.วางแผนการทำงาน
4.กำหนดกิจกรรม
4.กำหนดกิจกรรม
5.แบ่งงานให้สมาชิกของทีม
6.ปฏิบัติงานตามแผน
6.ปฏิบัติงานตามแผน
7.ติดตามผลและนิเทศงาน
8.ประเมินขั้นสุดท้าย
8.ประเมินขั้นสุดท้าย
ทีมงานที่มีประสิทธิภาพสมาชิกทุกคน
จะต้องเข้าใจวัตถุประสงค์และเป้าหมายชัดเจน เปิดเผยจริงใจและร่วมกันแก้ปัญหา
สนับสนุนไว้วางใจ ยอมรับ และรับฟังกัน ร่วมมือกัน ใช้ความขัดแย้งในเชิงสร้างสรรค์
ทบทวนการปฏิบัติงานและตื่นตัวตลอดเวลา มีการพัฒนาตนเอง รู้จักตนเองและรู้จักผู้อื่น
เข้าใจต่อเพื่อนร่วมงาน และสามารถร่วมกลุ่มกันได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่าง ในการทำงานกลุ่มแต่ละครั้ง เมื่อเราได้รับมอบหมายงานมา สมาชิกในกลุ่มก็มาประชุมกัน เพื่อวิเคราะห์งานว่างานชิ้นนี้เราจะต้องมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไร เมื่อกำหนดเป้าหมายเสร็จก็จะต้องมีการวางแผนในการทำงานเพื่อกำหนดกิจกรรมที่จะทำแล้วก็จะแบ่งงานให้กับสมาชิกแต่ละคน เมื่อทุกคนในกลุ่มเห็นด้วยกับการประชุมครั้งนี้ก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติงาน ซึ่งในการทำงานสมาชิกทุกคนจะต้องมาร่วมกันประเมินผลและนิเทศงานของแต่ละคนซึ่งกันและกัน เมื่อเจอปัญหาก็จะต้องช่วยกันแก้ปัญหา และสุดท้ายเมื่องานเป็นไปตามแผนทุกคนในกลุ่มก็มาร่วมกันประเมินและรวบรวมงานออกมาเป็นที่สิ้นสุด
1.แนวคิดหลักการทำงานเป็นทีม เป็นอย่างไร
แนวคิดและหลักการทำงานเป็นทีมนั้นควรมี 3 ประการคือ การยอมรับความแตกต่างของบุคคล มีแรงจูงใจของธรรมชาติของมนุษย์
แนวคิดและหลักการทำงานเป็นทีมนั้นควรมี 3 ประการคือ การยอมรับความแตกต่างของบุคคล มีแรงจูงใจของธรรมชาติของมนุษย์
2. นักศึกษาจะมีวิธีการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร
ยกตัวอย่างประกอบ
บรรยากาศของการทำงานมีความเป็นกันเอง อบอุ่น
มีความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์ ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างจริงจัง และจริงใจ
ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่ายความไว้วางใจกัน
เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม
สมาชิกทุกคนในทีมควรไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ซื่อสัตย์ต่อกัน
สื่อสารกันอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน มีการมอบหมายงานอย่างชัดเจน
สมาชิกทีมงานเข้าใจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยอมรับภารกิจหลักของทีมงาน
บทบาทสมาชิกแต่ละคนเข้าใจและปฏิบัติตามบทบาทของตน
และเรียนรู้เข้าใจในบทบาทของผู้อื่นในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ
รวมทั้งบทบาทในการช่วยรักษาความเป็นทีมงานให้มั่นคง เช่น การประนีประนอม
การอำนวยความสะดวก การให้กำลังใจ ตัวอย่าง ในการทำงานกลุ่มแต่ละครั้ง เมื่อเราได้รับมอบหมายงานมา สมาชิกในกลุ่มก็มาประชุมกัน เพื่อวิเคราะห์งานว่างานชิ้นนี้เราจะต้องมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไร เมื่อกำหนดเป้าหมายเสร็จก็จะต้องมีการวางแผนในการทำงานเพื่อกำหนดกิจกรรมที่จะทำแล้วก็จะแบ่งงานให้กับสมาชิกแต่ละคน เมื่อทุกคนในกลุ่มเห็นด้วยกับการประชุมครั้งนี้ก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติงาน ซึ่งในการทำงานสมาชิกทุกคนจะต้องมาร่วมกันประเมินผลและนิเทศงานของแต่ละคนซึ่งกันและกัน เมื่อเจอปัญหาก็จะต้องช่วยกันแก้ปัญหา และสุดท้ายเมื่องานเป็นไปตามแผนทุกคนในกลุ่มก็มาร่วมกันประเมินและรวบรวมงานออกมาเป็นที่สิ้นสุด
กิจกรรมที่3
กิจกรรมที่
3
การจัดการเรียนการสอน
ในยุคก่อนศตวรรษที่ 21
การเรียนรู้จะเกิดในโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเป็นความรู้แบบท่องจำ
ไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นการเรียนรู้ที่มีการสิ้นสุด
มีผู้ถ่ายทอดความรู้มาให้ และโรงเรียนต้องเป็นผู้กล่อมเกลามนุษย์ให้เป็นคนดี
ส่วนยุคศตวรรษที่ 21
การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกแห่ง โดยสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
คนเรามีความจำไม่เท่ากันการเรียนรู้จึงไม่เน้นความจำ
การเรียนรู้เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตนเองเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการเรียนรู้
สังคมจะเป็นสิ่งกำหนดและกล่อมเกลาเราให้เป็นคนดี
แนวการจัดการเรียนรู้
จะต้องมีการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ และในบางสถานการณ์ก็จะต้องมีการยืดหยุ่นบ้าง ครูจะต้องทันข่าวสาร และจะต้องรู้จักใช้แหล่งเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและนักเรียนเสมอ โดยให้ผู้เรียนจัดการเรื่องการเรียนรู้ของตน และมีครูเป็นผู้คอยให้คำปรึกษา
สำหรับการเรียนรู้ในอนาคตนั้นคอมพิวเตอร์จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น สื่อ และเทคโนยีก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นครูในอนาคตจะเป็นเพียงตัวแทนของการเรียนรู้เท่านั้น ครูจึงต้องเป็นผู้ที่สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างชำนาญและมีประสิทธิภาพ
แนวการจัดการเรียนรู้
จะต้องมีการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ และในบางสถานการณ์ก็จะต้องมีการยืดหยุ่นบ้าง ครูจะต้องทันข่าวสาร และจะต้องรู้จักใช้แหล่งเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและนักเรียนเสมอ โดยให้ผู้เรียนจัดการเรื่องการเรียนรู้ของตน และมีครูเป็นผู้คอยให้คำปรึกษา
สำหรับการเรียนรู้ในอนาคตนั้นคอมพิวเตอร์จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น สื่อ และเทคโนยีก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นครูในอนาคตจะเป็นเพียงตัวแทนของการเรียนรู้เท่านั้น ครูจึงต้องเป็นผู้ที่สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างชำนาญและมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมที่2
กิจกรรมที่ 2
ทฤษฎีการบริหารการศึกษา
มาสโลว์ แบ่งความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน
ได้แก่
1.ความต้องการทางกายภาพ (Physiological Needs) หมายถึงความต้องการพื้นฐานของร่างกายซึ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต
ได้แก่ความต้องการอาหาร น้ำ อากาศ
เสื้อผ้า
2.ความต้องการความปลอดภัย (Safety
Needs) หมายถึง
ความต้องการมั่นคงปลอดภัยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
3. ความต้องการทางสังคม (Social Needs) หมายถึง
ความต้องการที่จะเป็นที่รักของผู้อื่น
และต้องการมีสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่น
4.ความต้องการยกย่องชื่อเสียง
(Esteem Needs) หมายถึง
ความปรารถนาที่จะมองตนเองว่ามีคุณค่าสูง
เป็นที่น่าเคารพยกย่องจากทั้งตนเองและผู้อื่น
5.ความต้องการที่จะรู้จักตนเองตามสภาพที่แท้จริงและความสำเร็จของชีวิต(Self–ActualizationNeeds)หมายถึง
ความต้องการที่จะรู้จักและเข้าใจตนเองตามสภาพที่แท้จริงเพื่อพัฒนาชีวิตของตนเองให้สมบูรณ์(Self-fulfillment)
Douglas Mc Gregor : ทฤษฎี X และทฤษฎี Y
ทฤษฎี X(Theory X) เป็นปรัชญาการบริการจัดการแบบดั้งเดิม โดยมองว่าพนักงานเกียจคร้าน
ไม่กระตือรือร้น ไม่ชอบงานและพยายามหลีกเลี่ยงงาน
ทฤษฎี Y(Theory Y) เป็นปรัชญาการบริการจัดการ โดยมองว่าพนักงานมีความรับผิดชอบ
มีความคิดริเริ่มในการแก้ปัญหาในการทำงานและไม่มีความเบื่อหน่ายในการทำงาน
William Ouchi : ทฤษฎี Z
เป็นทฤษฎีที่มองเห็นว่าการจูงใจคนนั้นต้องเป็นไปตามสถานการณ์การที่จะทำความเข้าใจทฤษฎี Z ได้นั้น
ต้องทำความเข้าใจของทฤษฎี A และทฤษฎี J ก่อน ทฤษฎี A คือเป็นทฤษฎีว่าด้วยการบริหารจัดการร่วมสมัยตามแบบของอเมริกาการบริหารจัดการแบบนี้ต้องอาศัยการจัดการจากพื้นฐานของบุคคล
ทฤษฎี J คือ
การบริหารจัดการแบบญี่ปุ่นมีลักษณะการจ้างงานตลอดชีวิต
อังริ ฟาโยล (HENRI
FAYOL)
มีประสบการณ์ด้านการบริหารองค์การของรัฐขนาดใหญ่ได้นำเสนอหลักการทีเขาเรียกว่า
หลักการจัดการ 14 ประการมีการจัดแบ่งงาน
การมีอำนาจหน้าที่ ความมีวินัย เอกภาพของสายบังคับบัญชา
เอกภาพในทิศทาง ผลประโยชน์ของหมู่คณะ มีระบบค่าตอบแทนที่ยุติธรรม ระบบการรวมศูนย์ สายบังคับบัญชา
ความเป็นระบบระเบียบ ความเท่าเทียมกัน ความมั่นคง การริเริ่มสร้างสรรค์
และวิญญาณแห่งหมู่คณะ
MAX
WEBER
ได้นำเสนอแนวคิดการจัดองค์การ ที่เรียกว่า BUREAUCRACY เขาเห็นว่าเป็นลักษณะองค์การที่เป็นอุดมคติที่องค์การทั้งหลายควรจะเป็น สรุปแล้วแนวคิดการจัดองค์กรของเว็บเบอร์มี 6 ประการมีการจัดแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ
LUTHER
GULICK
เป็นผู้คิดรูปแบบการบริหารจัดการโดยมีกิจกรรม 7 ประการมาใช้ในการบริหารจัดการ ในวงการบริหารจะ รู้จักกิจกรรมทั้ง 7 ประการนี้เป็นอย่างดี
มีคำย่อว่า POSDCORB (CO คือคำเดียวกัน)
Frederick Herzberg : ทฤษฎี 2 ปัจจัย (Two
Factors Theory)
ปัจจัยภายนอก(Hygiene
Factors) ได้แก่
นโยบายขององค์กร การบังคับบัญชา ความสัมพันธ์กับหัวหน้างาน สภาพแวดล้อม/เงื่อนไขในการทำงาน ค่าจ้าง/เงินเดือน/สวัสดิการ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
ปัจจัยภายใน(Motivation
Factors) ได้แก่
การทำงานบรรลุผลสำเร็จ การได้รับการยอมรับ ทำงานได้ด้วยตนเอง ความรับผิดชอบ ความก้าวหน้าในงาน การเจริญเติบโต
ปัจจัยภายนอกนั้นจะเป็นแรงจูงใจที่สนองตอบต่อความต้องการภายนอกของคน
ส่วนปัจจัยภายในจะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญต่อคนมากกว่าปัจจัยภายนอก
หลักและทฤษฎีการบริหารการศึกษา
บทที่ 1
มโนทัศน์เกี่ยวกับการบริหารการศึกษา
ความสำคัญของการบริหาร
การบริหารทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้ในสังคมที่มีความแตกต่างกัน
การบริหารเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะนำสังคมและโลกไปสู่ความเจริญ
และการบริหารจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีบุคคลหลายๆ คนร่วมกันทำงาน
การบริหารจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมทางการเมือง
ความหมายของการบริหาร
การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
การบริหารจะเกดขึ้นได้เมื่อมีบุคคลตั้งแต่ 2
คนขึ้นไปร่วมมือกันทำงาน
บทที่ 2
วิวัฒนาการของการบริหาร
การบริหารในยุคแรกๆ
จะเป็นการบริหารที่เน้นพฤติกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่าและต่อมา
ก็ได้มีการพัฒนาขึ้นมาสู้การบริหารที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
บทที่ 3
งานบริหารการศึกษา
เมื่อมีโรงเรียนก็ต้องมีงานบริหารการศึกษาเกิดขึ้น นั่นก็คือจะต้องมีผู้ที่เข้ามาบริหารงานเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ซึ่งงานบริหารการศึกษาจะเน้นหนักไปที่บุคลากร และการปฏิบัติงาน
บุคลากร ได้แก่ ผู้บริหาร ครู
อาจารย์ นักเรียน ตลอดจนองค์กรต่างๆ
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานบริหารการศึกษา
บทที่ 4
กระบวนการทางการบริหารการศึกษา
การบริหารการศึกษาเป็นหน้าที่อันสำคัญอย่างหนึ่งของรัฐบาลในการบริหารประเทศ เป็นการบริหารธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ในการบริหารการศึกษาผู้บริหารนั้นจะต้องรู้เกี่ยวกับหลักการบริหาร 2 เรื่อง
คือ
1.การจัดระบบสังคม
2.เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการศึกษา
หลักการจัดระบบการศึกษา ไม่ว่าระดับใด
จะต้องยึดหลักความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน และมีการจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับปรัชญา
สภาพแวดล้อมของโรงเรียนนั้นๆ
องค์การและการจัดองค์การ
องค์การ หมายถึง
ระบบที่บุคคลสองคนหรือมากกว่านั้นร่วมกันสร้างให้บุคคลเกิดปฏิสัมพันธ์
ในการทำงานเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
องค์การในสถานศึกษามี 4 ระบบ
- ระบบโครงสร้างการบริหาร เน้น โครงสร้างกระบวนการ
- ระบบทางด้านเทคนิค เน้น
วิธีการดำเนินงานการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบสังคม
เน้น การทำงานของคนในองค์การร่วมกันด้วยดี
- ระบบกิจกรรมและการทำงาน เน้น ทั้งการผสมและการให้ริการ
การจัดองค์การ
มีความสำคัญมาก จึงต้องมีการจัดแบ่งหน้าที่การทำงาน
และมอบอำนาจในการรับผิดชอบหะเหมาะสมตามความสามารถและความถนัด
บทที่ 6
การติดต่อสื่อสาร
การติดต่อสื่อสาร หมายถึง การติดต่อเกี่ยวข้องและประสานงานกันระหว่างบุคคล
โดยอาศัยวิธีการถ่ายทอด และการรับข้อมูล
การติดต่อสื่อสารจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์และทำลายความสัมพันธ์ของคนในหน่วยงาน
การติดต่อสื่อสารจึงมีความสำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารเพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดหรือเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน
นอกจากจะมีความจำเป็นต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมมนุษย์แล้วยังมีความสำคัญในการดำเนินการในองศ์การอย่างมาก
เพราะองค์การนับวันจะมีโครงสร้างการบริหารงานที่ซับซ้อนมากขึ้น
บทที่ 7
ภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำ หมายถึง
บุคคลที่มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ลักษณะประจำตัวผู้นำ คือ มีลักษณะเฉพาะตัว มีความรู้ความสามารถ
มีความตั้งใจสูง มีความรับผิดชอบ มีความเป็นธรรม มีใจกว้าง มานะทางสังคม
มีศิลปะในการนำ
การที่จะเป็นผู้นำนั้นจะต้องทำงานด้วยความเต็มใจ
ทำตามหน้าที่ของผู้นำได้อย่างครบถ้วนเพื่อให้ผู้ตามมีความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ
บทที่ 8
การประสานงาน
การประสานงาน คือการจัดระเบียบวิธีการทำงาน
เพื่อให้งานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆร่วมมือปฏิบัติงานเป็นน้ำหนึ่งเดี่ยวกัน
ไม่ทำงานขัดแย้งกัน
เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และนโยบายขององค์การ
ภารกิจในการประสานงานที่ดี ควรทราบถึงภารกิจที่ดีในการประสานงาน
จะต้องอยู่ในขอบข่ายเรื่องต่อไปนี้ คือ นโยบาย ใจสมาชิก แผนงาน งานที่รับผิดชอบ
คนในองค์การและทรัพยากร
หลักการประสานงานควรจัดให้มีระบบในการสื่อสารที่ดี ความร่วมมือที่ดี
การประสานงานที่ดีและจัดให้มีการประสานนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์การให้สอดคล้องกัน
สุดท้ายต้องจัดให้มีการป้อนงานในรูปแบบที่ครบวงจร
การประสานงานที่มีประสิทธิภาพ ต้องมีโครงสร้างของการบริหารที่ชัดเจน
มีแผนภูมิแสดงการบังคับบัญชา มีการเขียนนโยบาย ข้อบังคับ มีเครื่องมือสื่อสารที่ดี
มีความรู้สูง มีการพบปะสังสรรค์กันนอกเวลางาน
บทที่ 9
การตัดสินใจสั่งการหรือการวินิจฉัยสั่งการ
การตัดสินใจ เป็นการกระทำโดยปัจเจกบุคคลในองค์การ
เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือนโยบายขององค์ที่ได้กำหนดเอาไว้
ประโยชน์ที่ได้จากการตัดสินใจ มีดังนี้ ทำให้งานเสร็จตามวัตถุประสงค์
เกดการประสานงานที่ดี มีประสิทธิภาพ ทำให้มีการพัฒนาตนและพัฒนางาน
และก่อให้เกิดความสงสุขในองค์การ
โทษของการตัดสินใจ ถ้าการตัดสินใจเกิดผิดพลาดอาจทำให้องค์การล้มเหลว
ดังนั้นผู้บริหารงานจะต้องรอบคอบในการตัดสินใจ
บทที่ 10
ภารกิจของผู้บิหารโรงเรียน
ภารกิจของผู้บริหารโรงเรียนมีดังนี้
1.การบริหารงานวิชาการ เป็นหัวใจของสถานศึกษาซึ่งประกอบด้วยทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาไม่ว่าจะเป็น
การจัดการเรียนการสอน การประเมินผล การควบคุมดูแลครู การจัดงบประมาณ
การจัดการเอกสารต่างๆ และยังมีงานอื่นๆ อีกมากมาย
2.การบริหารบุคคล คือ
การจัดงานเกี่ยวกับคนให้ทำงานให้ได้ผลดีที่สุดและให้เกิดประโยชน์สุงสุดแก่สถานศึกษา
และในขณะเดียวกันคนที่ที่เราใช้งานต้องมีความสุข
3.การบริการธุรการในโรงเรียน คืองานธุรการเป็นเรื่องของการให้บริการแก่หน่วยงานต่างๆของโรงเรียนหรอสถาบันการศึกษา
ส่งผลให้การเรียนการสอนเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
การทำงานได้ดีและเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความสามารถของผู้บริหารงาน
4.การบริหารงานนักเรียน เป็นการบริการงานเกี่ยวกับนักเรียนในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในห้องเรียน
หลักในการจัดกิจกรรม ต้องให้นักเรียนมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเสมอภาค
ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของสถานศึกษา ต้องปลูกฝังความคิด
ให้ผู้เรียนอยู่เสมอ
5.การบริหารอาคารสถานที่และบริการด้านอื่นๆ คือการรู้จักจัดหา รู้จักใช้อาคารให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และให้คงสภาพดีสนองความต้องการได้อย่างเพียงพอ
กิจกรรมที่1
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555
กิจกรรมที่ 1
การบริหาร คือ
ศิลปะของการทำงานให้สำเร็จโดยใช้บุคคลอื่นในการปฏิบัติตั้งแต่ 2
คนขึ้นไปรวมกันดำเนินให้บรรลุจุดประสงค์และจุดหมายที่ผู้บริหารตัดสินใจเลือกแล้ว
การศึกษา คือ เครื่องมือที่ทำให้เกิดความงอกงามในตัวของบุคคล เพื่อใช้พัฒนาคุณภาพของผู้เรียน เกิดความรู้ ความคิด
ความสามารถและความเป็นคนดี
การบริหารการศึกษา คือ กิจกรรมต่างๆที่บุคคลร่วมกันดำเนินการเพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุกๆด้าน นับทั้งแต่บุคลิกความรู้ความสามารถ
และพฤติกรรมในด้านต่างๆ เพื่อให้มีค่านิยมตรงกันกับความต้องการของสังคม
และเพื่อต้องการให้บุคคลในสังคมพัฒนาตามเป้าหมาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)